บทที่
5
สรุปการวิจัย อภิปรายผล
และข้อเสนอแนะ
สรุปผลการวิจัย
โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์
ระบบการทำงานคือ
แผง
Solar รับความร้อนจากดวงอาทิตย์สะท้อนความร้อนใส่ท่อแก้ว ไอน้ำ (reciver)
สุญญากาศที่อยู่ตรงกลางแผงทำให้น้ำในท่อเดือดและวิ่งเข้าไปใน Turbine ซึ่งแผง Solar มีระบบ GPS ซึ่งมีเครื่องมีวัดความร้อนและความเข้มของแสงสามารถขยับแผงตามแสงแดดได้ในทุกๆ
1 นาทีจะมีการปรับองศาของแผงโดยไม่มีใครควบคุม ภายในห้อง control room จะมีคอมพิวเตอร์ที่คอยรายงานการทำงานของระบบตลอดเวลา ภายในอาคาร Turbine จะมีไอน้ำวิ่งตามท่อมาจากแผง Solar
ภายในอาคารจะมีใบพัดที่คอยรับไอน้ำเพื่อปั่นใบพัดสร้างกระแสไฟฟ้า
โดยจะผลิตได้ 5 เมกะวัตต์/ชั่วโมง และสามารถผลิตได้ 8-9 ชั่วโมงต่อวัน
เทคโนโลยีชนิดนี้เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่
พลังงานไฟฟ้าจากเขื่อน (แบบสูบน้ำกลับ)
โรงไฟฟ้าแบบนี้ถูกสร้างบนพื้นฐานความคิดในการจัดการกระแสไฟฟ้าส่วนเกิน
เพราะโดยปกติการใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางคืนที่ค่อนดึกไปแล้วจะมีการใช้ไฟฟ้าลดลงแต่กำลัง การผลิตไฟฟ้ายังคงเท่าเดิม
ทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานไฟฟ้า
โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำแบบสูบน้ำกลับเป็นโรงไฟฟ้าที่มีอ่างเก็บน้ำสองส่วนคือ
อ่างเก็บน้ำส่วนบน และอ่างเก็บน้ำ น้ำจะถูกปล่อยจากอ่างเก็บน้ำส่วนบนลงมาเพื่อหมุนกังหันและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเมื่อต้องการผลิตไฟฟ้า
ดังแสดงในภาพและในช่วงที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าต่ำหรือน้อยลง
จะใช้ไฟฟ้าที่เหลือจ่ายให้กับปั๊มน้ำขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่ในอ่างเก็บน้ำส่วนล่าง เพื่อสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำส่วนล่างนี้กลับขึ้นไปเก็บไว้ที่อ่างเก็บน้ำส่วนบนเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าต่อไป
1.
รูปแบบ
และกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานน้ำ
2.
ปริมาณกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานน้ำว่าปริมาณไฟฟ้าจากพลังงานใดสามารถผลิตได้มากกว่ากันใน
1 วัน
3.
ความคิดเห็นของประชาชนในเขตอำเภอบ่อพลอยและอำเภอศรีสวัสดิ์
จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 50 คน ที่มีต่อการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานน้ำ
อภิปรายผล
การศึกษา “การผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในจังหวัดกาญจนบุรี” อภิปรายผลตามประเด็นที่ศึกษา
ดังนี้
1. รูปแบบ
และกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานน้ำ
จากการศึกษาพบว่า ในการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์นั้นมีหลายรูปแบบเช่น
แผงโซล่าร์เซลล์ พลังงานความร้อนจากไอน้ำ เป็นต้น ซึ่งสถานที่ที่คณะผู้วิจัยได้สัมภาษณ์คือ
บริษัท ไทยโซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งมีกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าดังนี้
แผงโซล่าจะทำหน้าที่รับแสงแดดจากดวงอาทิตย์สะท้อนความร้อนสู่ท่อไอน้ำสูญญากาศจนทำให้น้ำในท่อเดือดแล้ววิ่งตามท่อเข้าไปในอาคาร
Turbine
ซึ่งจะมีใบพัดอยู่ภายในตัวอาคารเพื่อปั่นกระแสไฟฟ้าออกมา จากนั้นจึงจ่ายกระแสไฟฟ้าป่านสาย line ทันที
พลังงานไฟฟ้าแบบสูบกลับจากเขื่อน สถานที่ที่คณะผู้วิจัยได้สัมภาษณ์คือ เขื่อนศรีนครินทร์ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าดังนี้
น้ำจะถูกปล่อยจากอ่างเก็บน้ำส่วนบนลงมาเพื่อหมุนกังหันและเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
เมื่อต้องการผลิตไฟฟ้า และในช่วงที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าต่ำหรือน้อยลงนั้น จะใช้ไฟฟ้า ที่เหลือจ่ายให้กับปั๊มน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ในอ่างเก็บน้ำส่วนล่าง
สูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำส่วนล่างนี้กลับขึ้นไปเก็บไว้ที่อ่างเก็บน้ำส่วนบนเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าครั้งต่อไป
ปัจจุบันการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก
เพราะไม่สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติอีกด้วย
2. ปริมาณกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานน้ำว่าปริมาณไฟฟ้าจากพลังงานใดสามารถผลิตได้มากกว่ากันใน
1 วัน
จากข้อมูลที่ได้สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่และวิทยากรจากโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าทั้งสองแห่งดังนี้
- โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์
สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้วันละประมาณ
8-9 ชั่วโมงและใน 1ชั่วโมงสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 5
เมกะวัตต์ ดังนั้นใน 1 วันโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์จะผลิตกระแสไฟฟ้าได้วันละประมาณ
40-45 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงข้อจำกัดที่อาจทำให้ไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้
เช่น สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยมีฝนตก หรือแสงแดดไม่เพียงพอ เป็นต้น
- พลังงานไฟฟ้าจากเขื่อน
(แบบสูบน้ำกลับ) ใน 1 วัน โรงไฟฟ้าที่เขื่อนศรีนครินทร์นั้น ไม่สามารถระบุได้ว่าผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากน้อยเท่าใด
เพราะการจะผลิตกระแสไฟฟ้าขึ้นอยู่ กับการสั่งการจากอำเภอบางกรวย
จังหวัดปทุมธานี อย่างไรก็ตาม
เขื่อนศรีนครินทร์ย่อมผลิตได้มากกว่าโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์แน่นอน
เพราะเขื่อนศรีนครินทร์นั้นมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าถึง 5 เครื่อง
แต่ละเครื่องสามารถผลิตได้ 120-180 เมกะวัตต์
ดังนั้น
จึงสามารถสรุปได้ว่า ใน 1 วัน พลังงานไฟฟ้าจากเขื่อน (แบบสูบน้ำกลับ) สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากกว่าโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์แน่นอน
3. ความคิดเห็นของประชาชนในเขตอำเภอบ่อพลอยและอำเภอศรีสวัสดิ์
จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 50 คน ที่มีต่อการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานน้ำ
3.1) ผู้ตอบแบบประเมินครั้งนี้เป็นเพศชายจำนวน
25 คน คิดเป็นร้อยละ 50 เพศหญิงจำนวน 25 คน
คิดเป็นร้อยละ 50
3.2) ผู้ตอบแบบประเมินครั้งนี้อยู่ในช่วงอายุ
12-20 ปี จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 14
ช่วงอายุ 21-29 ปีจำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 24 ช่วงอายุ 30-38 ปี จำนวน 10 คน คิดเป็น
ร้อยละ20 ช่วงอายุ 39-47 ปีจำนวน 13
คน คิดเป็นร้อยละ 26 ช่วงอายุ 48-56 ปีจำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ10 และช่วงอายุ 57-66 ปีจำนวน 3 คนคิดเป็นร้อยละ 6
3.3) ผู้ตอบแบบประเมินครั้งนี้อยู่ในระดับประถมศึกษาจำนวน
12 คน คิดเป็นร้อยละ 24 มัธยมศึกษาจำนวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 42 ปริญญาตรีจำนวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 3
ปริญญาโทจำนวน 0 คนคิดเป็นร้อยละ 0 และสูงกว่าปริญญาโทจำนวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0
3.4) ผู้ตอบแบบประเมินครั้งนี้ค้าขายจำนวน 25 คน
คิดเป็นร้อยละ 50 รับราชการ จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 14 ธุรกิจส่วนตัวจำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 10 และอาชีพอื่นๆ จำนวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 26
3.5) จากตารางแสดงผลของความคิดเห็นของประชาชนในเขตอำเภอบ่อพลอย
และอำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ผลปรากฏว่าทัศนคติของประชาชนในเขตอำเภอบ่อพลอย
และอำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนใหญ่มีค่าความคิดเห็นคือมาก (`X = 3.75)
และในแต่ละข้อของแบบประเมินนั้นส่วนใหญ่คะแนนจะตรงตามสมมติฐานข้อที่ 2 ที่ว่า “ ความคิดเห็นของประชาชนในเขตอำเภอบ่อพลอย และอำเภอศรีสวัสดิ์
จังหวัดกาญจนบุรีจำนวน 50 คน ที่มีต่อการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานน้ำนั้นไม่แตกต่างกัน” เมื่อพิจารณารายการที่มีค่าความเห็นสูงที่สุด
อันดับแรกได้แก่ข้อที่ 4 “ท่านคิดว่า พลังงานทดแทนสามารถลดปัญหาภาวะโลกร้อนได้มากหรือน้อยเพียงใด”
ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.72 และอันดับที่สองคือข้อ 8 “ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการผลิตกระแสไฟฟ้าจากจากพลังงานทดแทน”
ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.62
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่เริ่มเห็นความสำคัญของพลังงานทดแทน
และตระหนักถึงผลกะทบที่จะตามมาต่อสภาพแวดล้อม การเกิดสภาวะโลกร้อน เป็นต้น
ข้อเสนอแนะ
จากการวิจัยในครั้งนี้คณะผู้วิจัย
มีประชาชนกลุ่มหนึ่งได้แสดงข้อเสนอแนะว่าน่าจะมีเรื่องอื่นอีกมากมายที่เกี่ยวกับพลังงาน
สามารถค้นคว้าหาและความรู้เพิ่มเติมเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ จึงขอเสนอแนะในเรื่องการวิจัยในโอกาสต่อไป
ได้แก่
1. ควรศึกษาวิจัยเรื่อง
“พลังงานทดแทน” มีบทบาทสำคัญอย่างไรในอนาคต
2. ควรศึกษาวิจัยเรื่อง
“เทคโนโลยีสีเขียว” มีความสำคัญและความเกี่ยวข้องอย่างไรกับสังคมในปัจจุบัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น